Page 18 - วิศวกรรมสาร ปีที่ 77 ฉบับที่ 1 มกราคม - มีนาคม 2567
P. 18
การค�านวณแรงลม ตามกฎกระทรวง 2566 และมาตรฐาน มยผ. 1311
7. การค�านวณแรงลม โดยวิธีการทดสอบแบบจ�าลองในอุโมงค์ลม
และอาคารที่เข้าข่าย
7.1 การค�านวณแรงลม โดยวิธีการทดสอบแบบ 7.2 อาคารที่สมควรมีการค�านวณแรงลม โดย
จ�าลองในอุโมงค์ลม วิธีการทดสอบแบบจ�าลองในอุโมงค์ลม
การค�านวณแรงลม โดยวิธีการทดสอบแบบจ�าลองใน ค�าอธิบายในมาตรฐาน ASCE-7 -05 [2005] ได้อธิบาย
อุโมงค์ลม เพื่อให้ได้อาคารที่แข็งแรงปลอดภัย และประหยัด โครงการที่ต้องใช้วิธีการค�านวณแรงลม โดยวิธีการทดสอบแบบ
เนื่องจากการทดสอบจะได้แรงลมที่กระท�ากับรูปทรงอาคารจริง จ�าลองในอุโมงค์ลม ประกอบด้วยดังต่อไปนี้
ได้อย่างถูกต้อง ภายใต้สภาพแวดล้อมของอาคารจริง รวมถึงการ 1. โครงการ ที่ตั้งอยู่ในสภาพภูมิประเทศที่มีลักษณะ
ค�านวณการสั่นไหวของอาคารภายใต้แรงลมได้อย่างถูกต้อง เพื่อ พิเศษ ที่อาจท�าให้เกิดแรงลมที่สูงกว่าปกติ เช่น ช่องลมเฉพาะที่
ไม่ให้ผู้ใช้อาคารรู้สึกไม่สบายหรือเกิดอาการวิงเวียน (local channel) ผลของอาคารข้างเคียง หน่วยแรงลมที่ผันผวน
มาตรฐานการค�านวณแรงลมและการตอบสนองของ จากผลของของระลอกลม (wake-induced fluctuating
อาคาร มยผ. 1311 ได้ครอบคลุมส่วนใหญ่ ของสภาพภูมิประเทศ pressure) จากการกีดขวางทางลมของภูมิประเทศ เช่นช่องแคบ
อาคารและโครงสร้างแบบต่าง ๆ แต่ส�าหรับบางโครงการมาตรฐาน ภูเขา หรือกลุ่มอาคาร
ดังกล่าวอาจจะไม่เพียงพอ ดังนั้นจึงต้องใช้มาตรฐานสากลอื่น ๆ 2. อาคารที่มีรูปทรงไม่ปรกติหรือไม่สม�่าเสมอ ได้แก่
ที่ได้รับการยอมรับ วิธีการที่ได้รับการยอมรับและน่าเชื่อถือได้ อาคารซึ่งมีรูปทรงในระนาบหรือหน้าตัดในแนวดิ่งที่มีลักษณะ
ในวงวิชาการ หรือใช้การทดสอบแบบจ�าลองในอุโมงค์ลม แตกต่างจากรูปทรงที่ก�าหนดในมาตรฐานการค�านวณแรงลมและ
ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องการออกแบบโครงสร้าง การตอบสนองของอาคาร มยผ. 1311 หรือในมาตรฐาน ASCE-7
อาคารและลักษณะและคุณสมบัติของวัสดุที่ใช้ในงานโครงสร้าง -05 รูปทรงที่ไม่ปรกติหรือไม่สม�่าเสมอรวมทั้งอาคารต่าง ๆ ที่มี
อาคาร พศ. 2567 ข้อ 23 ก�าหนดดังนี้ กรณีค�านวณแรงลมโดย ระยะร่นในแนวระนาบอย่างมีนัยส�าคัญ (setbacks) อาคารที่
วิธีการทดสอบในอุโมงค์ลม ให้ใช้ความเร็วลมอ้างอิงตาม มยผ. ผนังภายนอกอาคารที่เป็นส่วนโค้ง อาคารที่มีระนาบที่มีส่วนเว้า
1311-50 หรือใช้ความเร็วลมอ้างอิงที่ได้จากวิเคราะห์ข้อมูล หรือส่วนยื่นอย่างมีนัยส�าคัญ อาคารที่มีช่องเปิดที่ลมผ่านได้ กลุ่ม
ความเร็วลมในพื้นที่ซึ่งมีการรับรองการค�านวณความเร็ว ลมอ้างอิง อาคารที่มีเชื่อมต่อกันโดยทางเชื่อม
ดังกล่าวจากสถาบันที่เชื่อถือได้และต้องไม่ต�่ากว่าร้อยละ 85 ของ 3. อาคารที่มีการตอบสนองต่อแรงลมที่รุนแรง ตัวอย่าง
ความเร็วลมอ้างอิงตาม มยผ. 1311-50 ทั้งนี้แรงลมในทิศทาง เช่น จากผลของระลอกลม (vortex) ที่ท�าให้เกิดการสั่นไหว
หลักที่ได้จากการทดสอบในอุโมงค์ลมต้องมีค่าไม่น้อยกว่าร้อยละ ในทิศทางตั้งฉากกับทิศทางลม การสั่นไหวจากการบิด การสั่นไหว
80 ของแรงลม ที่ค�านวณได้ตาม มยผ. 1311-50 ที่ท�าให้เกิดการสูญเสียเสถียรภาพ (Aeroelastic instability) เช่น
ข้อจ�ากัดร้อยละ 80 ดังกล่าว สามารถลดได้ถึงร้อยละ การสูญเสียเสถียรภาพแบบ Flutter หรือ แบบ Galloping อาคาร
50 ส�าหรับระบบโครงสร้างหลักรับแรงลม และ ร้อยละ 65 ส�าหรับ ที่อาจมีการตอบสนองต่อแรงลมที่รุนแรง มีดังนี้:
โครงสร้างรองหรือเปลือกอาคาร (ผนังรอบอาคาร) หากเข้าเงื่อน i. อาคารที่มีความสูงเกินกว่า 122 เมตร อย่างไร
ข้อหนึ่งข้อใด ดังต่อไปนี้ ก็ตามประเทศไทยมีความเร็วลมออกแบบน้อยกว่า
(1) ไม่มีอาคารหลังหนึ่งหลังใดในรัศมีที่จ�าลองที่มีอทธิพล ของประเทศสหรัฐอเมริกาพอสมควร ดังนั้นเพื่อให้
ต่อความเร็วลมในพื้นที่เป็นการเฉพาะ เหมาะสมกับส�าหรับประเทศไทย ควรใช้กับอาคาร
(2) กรณีมีอาคารที่มีอิทธิพลต่อความเร็วลมในพื้นที่ ต้องมี ที่มีความสูงเกินกว่า 150 เมตร
การทดสอบเพิ่มเติมเพื่อหาค่าแรงกระท�า และ ความดันลมเนื่องจาก ii. อาคารที่มีความสูงมากกว่า 4 เท่าของความ
อิทธิพลของอาคารดังกล่าว โดยน�ามาพิจารณาสร้างแบบจ�าลองสภาพ กว้างประสิทธิผลที่น้อยที่สุด ,เป็นไปตาม
ภูมิประเทศที่เหมาะสม แต่ความขรุขระต้องไม่เกินกว่าสภาพภูมิประเทศ B ที่ก�าหนดด้านล่าง อย่างไรก็ตามประเทศไทยมี
(ชานเมือง) ตามมาตรฐานการค�านวณแรงลมและการตอบสนอง ความเร็วลมออกแบบน้อยกว่าของประเทศ
ของอาคาร (มยผ. 1311) ของกรมโยธาธิการและผังเมือง
18 ปีที่ 77 ฉบับที่ 1 มกราคม - มีนาคม 2567 วิศวกรรมสาร