Page 14 - วิศวกรรมสาร ปีที่ 76 ฉบับที่ 3 กรกฎาคม - กันยายน 2566
P. 14
ปฏิรูปการจัดการน�้าทั้งระบบ
5. การปฏิรูปหน่วยงานที่รับผิดชอบเกี่ยวกับ
การจัดการน�้า
หน่วยงานขนาดใหญ่ในประเทศที่พัฒนาแล้วจะแบ่งการปฏิบัติงาน
เป็นเฉพาะทาง โดยรับผู้ที่ส�าเร็จการศึกษาขั้นปริญญาโทขึ้นไป
เข้าปฏิบัติงาน ดังตัวอย่างเช่นในปี พ.ศ. 2517-2518 รวมเวลา
1 ปี ผู้เขียนได้มีโอกาสไปปฏิบัติงานที่ส�านักงานใหญ่ของบริษัท
เอเคอร์ (Acres Consulting Services Ltd) ในประเทศคานาดา
ซึ่งส�านักงานใหญ่ตั้งอยู่ห่างจากน�้าตกไนแองการา (Niagra Falls) ซึ่งบริษัทเอเคอร์ได้เริ่มพัฒนาไว้มาพัฒนาต่อ โดยมีการเก็บข้อมูล
ประมาณ 5 กม. เป็นบริษัทที่ปฏิบัติงานเฉพาะทาง มีผลงานที่ได้ จากแปลงทดลองในสนามมาสอบเทียบแบบจ�าลองด้วย พร้อมทั้ง
ปฏิบัติอยู่ทั่วโลก รวมทั้งประเทศสหรัฐอเมริกาด้วย บริษัทจะรับ น�าแบบจ�าลองดังกล่าวไปจัดสรรน�้าล่วงหน้ารายสัปดาห์เมื่อมีโอกาส
ผู้ที่ส�าเร็จการศึกษาขั้นปริญญาโทขึ้นไปเข้าปฏิบัติงาน ผู้เขียนปฏิบัติ มีรายละเอียดอยู่ในบทที่ 2 ในหนังสือชลศาสตร์ประยุกต์ของผู้เขียน
งานอยู่ในกลุ่มงานชลศาสตร์ (Hydraulic Department) ก็ปฏิบัติ 3) ส�าหรับกรณีที่มีอ่างเก็บน�้าอยู่ทางด้านเหนือน�้าและมีพื้นที่
งานเฉพาะวิศวกรรมทรัพยากรน�้า ชลศาสตร์และอุทกวิทยาเท่านั้น ชลประทานซึ่งรับน�้าจากอ่างเก็บน�้าจากที่สูงลงสู่ที่ต�่า (โดย Gravity)
นอกจากนี้ยังมีอาจารย์มหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงทั้งในประเทศ อยู่ทางด้านท้ายน�้า กรณีนี้เสนอแนะให้ด�าเนินการ ซึ่งประกอบด้วย
คานาดาและอเมริกาเป็นที่ปรึกษาพิเศษเป็นโครงการ ๆ ไปอีกด้วย 3.1) ศึกษาหาเกณฑ์ที่ใช้อ่างเก็บน�้าควบคุมปัญหาน�้าท่วม
ฉะนั้นผู้เขียนจึงใคร่ขอเสนอแนะให้หน่วยงานที่รับผิดชอบเกี่ยวกับ ด้านท้ายน�้า โดยเมื่ออุทกภัยรอบ 100 ปี (100 ปีมีโอกาสเกิด
การจัดการน�้าของประเทศในระดับกรมรีบด�าเนินการปฏิรูปหน่วยงาน 1 ครั้ง) ไหลผ่านอ่างเก็บน�้า ปริมาณน�้าที่ระบายลงท้ายน�้าจะต้อง
ให้เป็นหน่วยงานที่ปฏิบัติงานเฉพาะทางดังเช่น ประเทศที่พัฒนา ไม่เกินความจุของล�าน�้าท้ายอ่างเก็บน�้า ส�าหรับอ่างเก็บน�้าขนาด
แล้วได้ถือปฏิบัติกันมาเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 50 ปี ส�าหรับตัวอย่าง กลาง เสนอแนะให้ใช้อุทกภัยรอบ 50 ปี และที่ปลายฤดูฝนต้อง
ในประเทศไทยที่เป็นหน่วยงานที่ปฏิบัติงานเฉพาะทางได้แก่กรม พยายามยกระดับน�้าในอ่างขึ้นให้ใกล้เคียงกับระดับเก็บกักน�้าของ
ทางหลวง ซึ่งได้ปฏิรูปหน่วยงานให้เป็นหน่วยงานที่ปฏิบัติงาน อ่างให้ได้มากที่สุด (ถ้าอ่างเก็บน�้าใดไม่สามารถท�าได้ เสนอแนะ
เฉพาะทางมาได้เกือบ 10 ปีแล้ว ให้ศึกษาเพื่อปรับปรุงอ่างเก็บน�้า) กรณีศึกษาของอ่างเก็บน�้าเขื่อน
อุบลรัตน์มีอยู่ในหนังสือชลศาสตร์ประยุกต์ของผู้เขียน หน้า 557
3.2) จากนั้นศึกษาหากราฟส�าหรับค�านวณหาพื้นที่
6. การเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการน�้า เพาะปลูกฤดูแล้งท้ายอ่างด้วยแบบจ�าลอง (Dry Season Area
Reduction Curve – DSAR Curve) โดยจะต้องเก็บข้อมูลจาก
การเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการน�้าในที่นี้จะขอกล่าวเฉพาะ แปลงทดลองของระบบชลประทานในสนามมาสอบเทียบแบบ
การเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการน�้าด้วยมาตรการไม่ใช้สิ่งก่อสร้าง จ�าลองด้วย ถ้าสามารถค�านวณได้ถูกต้อง และใช้กราฟนี้ค�านวณ
เป็นมาตรการหลักและมาตรการใช้สิ่งก่อสร้างเป็นมาตรการเสริม หาพื้นที่เพาะปลูกฤดูแล้งแล้วน�้าจะไม่แห้งอ่างในระยะยาว และที่
ซึ่งประกอบด้วย ต้นการเพาะปลูกฤดูฝนถ้าฝนเกิดตกช้าก็มีน�้าให้เตรียมแปลงเพาะ
1) การค�านวณหาปริมาณน�้าที่ไหลผ่านอาคารควบคุมน�้าจะ ปลูกข้าว และกราฟนี้ (DSAR Curve) จะต้องมีการทบทวนการ
ค�านวณหาโดยเปิดบานประตูควบคุมน�้าบางส่วนแล้ววัดปริมาณน�้า ศึกษาเมื่อใช้งานไปได้ประมาณ 6-7 ปี หรือเมื่อมีข้อมูลใหม่มากพอ
ที่ไหลผ่านแต่ละกรณี แล้วน�าข้อมูลมาสร้างกราฟส�าหรับค�านวณ 3.3) จัดสรรน�้าล่วงหน้ารายสัปดาห์อย่างเป็นระบบด้วย
หาปริมาณน�้าที่ไหลผ่าน (Structure Calibration Curve) แบบจ�าลอง โดยใช้ระบบท�านายปริมาณน�้าที่ไม่สามารถควบคุมได้
มีรายละเอียดอยู่ในบทที่ 1 ในหนังสือชลศาสตร์ประยุกต์ของผู้เขียน แต่น�ามาใช้แทนน�้าชลประทานได้รายสัปดาห์ เมื่อสัปดาห์ถัดไปมา
(ไม่ใช่ค�านวณด้วยสูตร) ถึงก็ปรับให้ถูกต้อง แล้วด�าเนินการเช่นเดียวกันเรื่อย ๆ ไปจนสิ้น
2) แบบจ�าลองส�าหรับค�านวณหาความต้องการน�้าชลประทาน สุดฤดูการเพาะปลูก โดยน�าข้อมูลจากแปลงทดลองในสนามมาใช้
ผู้เขียนได้น�าแบบจ�าลองส�าหรับค�านวณหาความต้องการน�้า ในการค�านวณปริมาณน�้าที่ส่งด้วย และที่สิ้นสุดฤดูการเพาะปลูก
ชลประทานที่เหมาะส�าหรับลักษณะการชลประทานในประเทศไทย ก็จะค�านวณหาประสิทธิภาพชลประทานเพื่อน�าไปใช้อ้างอิงในการ
14 วิศวกรรมสาร
ปีที่ 76 ฉบับที่ 3 กรกฎาคม - กันยายน 2566

