Page 60 - วิศวกรรมสาร ปีที่ 75 ฉบับที่ 4 ตุลาคม - ธันวาคม 2565
P. 60
ส่องเส้นทางพาไทยสู่เป้าหมาย Net Zero
หากมองเป้าหมายระดับองค์กร ส่วนมากองค์กรขนาดใหญ่ที่ การหมุนเวียนการใช้ CO นั้นเป็นที่ยอมรับว่าสามารถลดปริมาณของ
2
มีการเก็บข้อมูลการปล่องก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และ/หรือก๊าซ CO ที่ปลดปล่อยในระบบได้
2
เรือนกระจก รวมถึงมีแผนการลดการปล่อยอย่างชัดเจนจะมีการ
ตั้งเป้าหมายดังกล่าว เช่น กลุ่ม ปตท. ตั้งเป้าหมายในการCarbon
Neutrality ภายในปี 2040 และ Net Zero ภายในปี 2050 Capture & Transport & Storage
ส�าหรับการบรรลุเป้าหมายระดับบุคคล เช่น ผศ.ดร. ธรณ์ คือหัวใจส�าคัญ
ธ�ารงนาวาสวัสดิ์ ที่กล่าวใน Carbon Markets Club ว่า “... ผม
กลายเป็นมนุษย์ไร้คาร์บอนสมใจ เป็น TOP50 ห้าสิบคนแรกของ Capture - กระบวนการดักจับและการจัดเก็บ CO นั้นจะเริ่ม
2
ไทย…” กระบวนการบรรลุเป้าหมายนี้เกิดจากการวัด และประเมิน จากการดักจับ CO ที่ออกมาจากภาคอุตสาหกรรม โดยทั่วไปมักจะ
2
ว่าคน ๆ หนึ่ง มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เท่าใดต่อปี และ มีการปะปนกับก๊าซอื่น ในขั้นตอนนี้การดักจับ CO ที่ออกมาจะ
2
ซื้อคาร์บอน เครดิต เพื่อชดเชยปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เกิดขึ้นก่อนถูกส่งต่อไปยังกระบวนการจัดเก็บ
ที่ปล่อยจากกิจกรรม จะเห็นว่าเป้าหมายระดับบุคคลที่ยกตัวอย่างนี้ Transport - ภายหลังจากกระบวนการจัดเก็บนั้นจ�าเป็นต้อง
ก็เป็นการบรรลุ Carbon Neutraility ระดับบุคคลประจ�าปีที่วัด สามารถขนส่งผ่านท่อ (Pipeline) น�าส่งก๊าซแบบพิเศษลงไปใต้
และซื้อการชดเชยดังกล่าว อย่างไรก็ตามตลาดคาร์บอน เครดิต พื้นดิน โดยส่วนมากวิธีการนี้มักจะใช้กับการขนส่งในระยะทางไม่เกิน
ในประเทศยังเป็นภาคสมัครใจ และมีราคาต่อหน่วยที่ไม่สูงมากเมื่อ 1,000 กิโลเมตร ดังแสดงในรูป 1 ในอีกกรณีหนึ่งคือหากพื้นที่ในการ
เทียบกับต่างประเทศ และในระบบปัจจุบันคาร์บอน เครดิตที่ได้มา จัดเก็บนั้นอยู่ไกลเกินกว่า 1,000 กิโลเมตร มักใช้วิธีการขนส่งทางเรือ
อาจยังไม่เป็นที่ยอมรับให้ใช้ชดเชยในบริบทต่างประเทศ บรรทุกสินค้า ดังแสดงในรูป 2 การขนส่งทางเรือบรรทุกสินค้าจะ
จากการกล่าวถึงเป้าหมายข้างต้นจะเห็นว่าหากจะบรรลุ ได้รับความนิยมมากกว่าการขนส่งทางถนน และการขนส่งทางราง
เป้าหมาย Net Zero นั้น กุญแจส�าคัญอยู่ที่การวัดปริมาณก๊าซ ที่ทั้งสองรูปแบบดังกล่าวอาจจะติดข้อจ�ากัดทางด้านปริมาณ
เรือนกระจกที่ปล่อยออกมาได้ การหาแนวทางลดก๊าซเรือนกระจก การขนส่ง และความปลอดภัยกรณีที่เกิดก๊าซรั่วไหล
และยิ่งไปกว่านั้นเทคโนโลยีที่จะมาช่วยดักจับ และก�าจัดก๊าซ นอกเหนือจากการค�านึงเรื่องระยะทางในการขนส่งนั้น การขนส่ง
คาร์บอนไดออกไซด์ออกจากอากาศจะมาเป็นเทคโนโลยีส�าคัญที่อาจ CO ต้องค�านึงถึงความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์อีกด้วย อ้างอิงจาก
2
ท�าให้เราเข้าใกล้เป้าหมาย Net Zero มากขึ้น รายงานของ IPCC ที่ระบุไว้ว่า ภายใต้ระยะการขนส่งในระยะ 1,000
กิโลเมตร หากปริมาณของ CO มีปริมาณที่น้อยกว่า 3 ล้านตัน
2
ต่อปี ควรใช้การขนส่งแบบท่อแทนการขนส่งทางเรือบรรทุกสินค้า
เทคโนโลยีการกักคาร์บอนคือทางออก? (IPCC, 2005) เพราะความท้าทายของการขนส่งนั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับ
ระยะทางในการขนส่งไปยังพื้นที่จัดเก็บเพียงอย่างเดียว แต่ปัญหา
หนึ่งในเทคโนโลยีที่ได้รับความสนใจและถูกพูดถึงเป็นจ�านวน ที่ภาคอุตสาหกรรมก�าลังเผชิญนั้นยังอยู่ที่ค่าใช้จ่ายในการขนถ่ายที่
มากคือ Carbon Capture and Storage (CCS) และ Carbon ต้องมีการควบคุมทั้งอุณหภูมิ และความดันให้อยู่ในสภาวะที่เหมาะ
Capture and Utilisation (CCUS) สมตลอดเวลาในการขนส่ง อีกทั้งยังต้องระมัดระวังเรื่องการรั่วไหล
โดยทั้งกระบวนการ CCS และ CCUS นั้นเป็นกระบวนการ ของก๊าซ CO อีกด้วย
2
ดักจับ (Capture) CO ที่เกิดจากกิจกรรมต่าง ๆ ของมนุษย์โดย Storage - ส�าหรับในขั้นตอนที่ส�าคัญคือการจัดเก็บ CO นั้น
2 2
เฉพาะในภาคอุตสาหกรรมมาจัดเก็บ (Storage) ไว้ใต้พื้นดิน เพื่อ สามารถท�าได้ทั้งแบบ ใต้ผิวดินทั้งแบบ onshore และ offshore
ไม่ให้เกิดการปลดปล่อยคืนสู่ชั้นบรรยากาศ แต่ความแตกต่างของ ซึ่งเป็นการจัดเก็บใต้ผิวดินที่มีความลึกในช่วง 800 - 1,000 เมตร
กระบวนการทั้งสองนั้นจะอยู่ที่ CCS จะเป็นกระบวนการจัดเก็บ CO2 ซึ่งเป็นระดับความลึกที่มีความเหมาะสมด้านความปลอดภัยในการ
แบบถาวร ในขณะที่ CCUS จะค�านึงถึงการน�าเอา CO2แปรรูปกลับ จัดเก็บ และสะดวกในการดึง CO กลับมาใช้ และอีกรูปแบบการ
2
มาเป็นผลิตภัณฑ์อื่น ๆ เช่นพลังงานเชื้อเพลิง หรือ สารตั้งต้นส�าหรับ จัดเก็บคือการจัดเก็บ CO ในมหาสมุทร มักจะจัดเก็บในระดับความ
2
ผลิตภัณฑ์ทางเคมีต่าง ๆ ซึ่งถือได้ว่า CCUS เป็นอีกขั้นหนึ่งของ ลึกต�่ากว่า 1,000 เมตรขึ้นไป และในบางกรณีมักนิยมเก็บที่บริเวณ
กระบวนการ CCS แต่อย่างไรก็ตามทั้งสองกระบวนการจัดเก็บ และ ก้นมหาสมุทร
60 วิศวกรรมสาร ปีที่ 75 ฉบับท 4 ตุลาคม-ธันวาคม 2565