Page 18 - วิศวกรรมสาร ปีที่ 76 ฉบับที่ 1 มกราคม - มีนาคม 2566
P. 18

การศึกษาอย่างเป็นระบบด้วยแบบจ�าลองเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการน�้าในลุ่มน�้าเจ้าพระยาเพื่อแก้ปัญหาภัยแล้งและน�้าท่วม



          รายสัปดาห์และปริมาณฝนที่ใช้แทนน�้าชลประทานได้รายสัปดาห์)  รับผิดชอบและควรมีการอบรมเกี่ยวกับงานที่เกี่ยวข้องทั้งทางทฤษฎี
          และการใช้น�้าที่ส�าคัญอื่น ๆ รวมถึงปริมาณน�้าเหลือใช้ (Return  และภาคปฏิบัติอย่างสม�่าเสมอ โดยเฉพาะผู้ที่มีส่วนรับผิดชอบ
          flow) ทั้งบนแปลงทดลองและทั้งในและนอกระบบชลประทาน  ในการตัดสินใจระบายน�้าออกจากอ่างเก็บน�้าขนาดใหญ่ ทั้งเพื่อ
          เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 3-5 ปี เพื่อน�ามาสอบเทียบแบบจ�าลอง   การลดอุทกภัยท้ายน�้า การใช้น�้าเพื่อการเพาะปลูกทั้งฤดูฝนและ
          ดังตัวอย่างใน  (10)  อนึ่งส�าหรับปริมาณฝนที่ใช้แทนน�้า  ฤดูแล้ง และการใช้แก้มลิงและคลองผันน�้าในช่วงเกิดอุทกภัย

          ชลประทานได้อาจต้องใช้เวลาเก็บข้อมูลยาวกว่า 5 ปี ทั้งนี้เพื่อให้ (ในระบบชลประทานคลองส่งน�้าต้นคลองใหญ่ปลายคลองเล็ก
          ครอบคลุมฝนลักษณะต่าง ๆ                             ส่วนคลองระบายน�้า ต้นคลองเล็กปลายคลองใหญ่)
            7) เมื่อได้ข้อมูลใหม่มากพอ เสนอแนะให้ศึกษาหาอุทกภัยและ    11) มาตรการใช้สิ่งก่อสร้างที่ส�าคัญอีกประการหนึ่งคือ การ
          เกณฑ์การใช้อ่างเก็บน�้าเพื่อลดปัญหาน�้าท่วมและ เกณฑ์การใช้  ขุดลอกแม่น�้าล�าคลองท้ายฝาย และประตูควบคุมน�้า จะต้องค�านวณ
          อ่างเก็บน�้าเพื่อการชลประทาน และเกณฑ์การใช้น�้าในอ่างเก็บน�้า  ตรวจสอบก่อนว่าเมื่อขุดลอกแล้ว เวลาเปิดบานประตูหรือเวลา
          เพื่อการเพาะปลูกฤดูแล้ง ของอ่างเก็บน�้าเขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์   มีปริมาณน�้าไหลผ่านจะไม่เกิดการกัดเซาะท้ายฝายหรือประตู

          เขื่อนแควน้อย เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ และอ่างเก็บน�้าขนาดใหญ่  ควบคุมน�้า ซึ่งจะท�าให้เกิดอันตรายต่อฝายและประตูได้  โดยเฉพาะ
          ต่าง ๆ ในลุ่มน�้าใหม่                              เขื่อนเจ้าพระยา อนึ่ง การขุดลอกแม่น�้าล�าคลอง นอกจากจะ
            8) ถ้าด�าเนินการได้ตามข้อ 6) และ 7) ซึ่งต้องศึกษาอย่างเป็น เกิดปัญหาดังที่ได้กล่าวมาแล้ว ยังจะท�าให้เกิดน�้าท่วมและตลิ่ง
          ระบบลุ่มน�้าที่ถูกต้อง ก็จะสามารถลดปัญหา น�้าท่วม (ปี 2554)   ของแม่น�้าท้ายจุดขุดลอกพังทลายเพิ่มมากขึ้น ถ้าพิจารณาศึกษา
          ได้มาก และสามารถแก้ปัญหาภัยแล้ง (ปี 2536-2537) ได้มากอีกด้วย ไม่ถูกต้อง

            อนึ่งภัยแล้งปี พ.ศ. 2536-2537 ถ้าเกิดขึ้นอีกในอนาคตอาจ
          ท�าให้กรุงเทพฯ ขาดน�้าดิบในกระบวนการผลิตน�้าประปาได้ เพราะมี
          โครงการชลประทานเปิดใหม่ทางด้านเหนือน�้าหลังปี พ.ศ. 2536      5. สรุป

          หลายโครงการซึ่งไม่ได้ศึกษาอย่างเป็นระบบลุ่มน�้า ประกอบกับ
          มีการเสนอแนะให้ขุดลอกสันดอนปากแม่น�้าเจ้าพระยาและแม่น�้า   ถ้าได้มีการศึกษาเพื่อปรับเกณฑ์การใช้อ่างช่วงเกิดอุทกภัย
          ท่าจีนเพื่อให้สามารถระบายน�้าอุทกภัยออกได้มากขึ้น ฉะนั้น  (Flood rule curve) และเกณฑ์การใช้น�้าในอ่างเพื่อการเพาะปลูก
          ในฤดูแล้งก็จะมีปริมาณน�้าเค็มไหลเข้ามามากขึ้นเช่นเดียวกัน   ฤดูแล้ง (DSAR-Curve) ของอ่างเก็บน�้าเขื่อนภูมิพลใหม่และ

          จึงต้องการน�้าจืดมาดันน�้าเค็มเพิ่มมากขึ้น (อนึ่งปี พ.ศ. 2536  ตรวจสอบความมั่นคง (Stability) ของเขื่อนสิริกิติ์ในการใช้
          ในเขตโครงการชลประทานเจ้าพระยาตั้งแต่ จ.ชัยนาทถึงปาก ปริมาตรอุทกภัยเหนือระดับเก็บกักน�้าปกติ (Flood surcharge
          อ่าวไทยมีฝนตกทั้งปีเพียง 700 มม. และปริมาณน�้าที่ระบายลง  storage) เก็บกักน�้าอุทกภัยในระหว่างและปลายฤดูฝน เป็นการ
          ท้ายเขื่อนเจ้าพระยาเกิน 50 ลบ.ม.ต่อวินาที มีเพียง 900 ล้าน ลบ.ม.   ชั่วคราว กับศึกษาเพื่อปรับเกณฑ์การใช้น�้าในอ่างเพื่อการเพาะปลูก
          ซึ่งมีรายละเอียดอยู่ใน (11)) ดังตัวอย่างการแก้ปัญหาทางเลือก

          หนึ่งคือการผันน�้าจากลุ่มน�้าแม่กลองผ่านคลองพระยาบันลือ
          มาลงแม่น�้าเจ้าพระยา (โดยการสูบ) เหนือจุดสูบน�้าสามแล
          ที่จังหวัดปทุมธานี ของการประปานครหลวง เป็นต้น ถ้าลุ่มน�้า
          แม่กลองมีน�้าเหลือ
            9) ส�าหรับอ่างเก็บน�้าเขื่อนสิริกิติ์ก่อสร้างมานานแล้ว เสนอแนะ
          ให้ศึกษาเพื่อปรับปรุงให้สามารถเก็บกักน�้าบนปริมาตรอุทกภัยใหญ่

          ถึงระดับน�้าในอ่างสูงสุดเป็นการชั่วคราวได้เหมือนเมื่อออกแบบ
          ครั้งแรก
            10) มาตรการไม่ใช้สิ่งก่อสร้างที่ส�าคัญที่สุดคือ บุคคลากรที่
          รับผิดชอบจะต้องเป็นผู้ที่มีความรู้ทั้งพื้นฐานทางทฤษฎีและ
          ประสบการณ์ในการน�าทฤษฎีมาประยุกต์ใช้ในงานด้านปฏิบัติที่





        18    วิศวกรรมสาร
              ปีที่ 76 ฉบับที่ 1 มกราคม - มีนาคม 2566
   13   14   15   16   17   18   19   20   21   22   23