Page 119 - วิศวกรรมสาร ปีที่ 74 ฉบับที่ 4 ตุลาคม - ธันวาคม 2564
P. 119
การใช้เทคโนโลยีด้านการตรวจสอบ ทดสอบ และติดตั้งเครื่องมือวัดในโครงสร้างอาคารและระบบสาธารณูปโภค
เพื่อการประเมิน จัดการ และการวางแผนบำารุงรักษาโครงสร้าง
ผลิตภัณฑ์ในการก่อสร้างใหม่ ๆ เช่น วัสดุ มีการบันทึกและสะสมเป็นฐานข้อมูลมากขึ้นเรื่อย ๆ ตามงานวิจัยที่ได้ท�าออกมา น�าไปสู่
ก่อสร้างก�าลังสูง วัสดุเสริมก�าลังโครงสร้าง การพัฒนาข้อก�าหนดในการประกอบวิชาชีพ (Code of Practice) ที่เพิ่มความปลอดภัย
ชนิดใหม่ ๆ ระบบการก่อสร้างฐานรากที่มี และสร้างความสมดุลในเชิงเศรษฐศาสตร์ของการใช้ทรัพยากรให้คุ้มค่ามากที่สุด
ก�าลังแบกทานสูงขึ้น ระบบก่อสร้างแบบ ดังนั้นแล้ว เมืองในยุคปัจจุบันจึงเต็มไปด้วยโครงสร้างอาคารสูง และสะพานช่วงยาว
Prefabricated ก็มีส่วนในการก้าวข้าม ซึ่งเมื่อเวลาผ่านไป โครงสร้างมีอายุการใช้งานมากขึ้นเรื่อย ๆ ก็จะเริ่มมีปัญหาด้านการ
ขีดจ�ากัดของการก่อสร้างในอดีตทั้งสิ้น เสื่อมสภาพของโครงสร้าง หรือมีข้อสงสัยในเชิงประสิทธิภาพ ความมั่นคงแข็งแรงของ
ในมิติที่คู่ขนานกับการพัฒนาในภาค โครงสร้างต่อการต้านทานแรงกระท�า ซึ่งประเด็นเหล่านี้ มิได้เป็นองค์ความรู้ที่วิศวกร
อุตสาหกรรม ก็มีการค้นคว้า วิจัย ในภาค ส่วนใหญ่ให้ความสนใจระหว่างการพัฒนาในช่วงเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมา และมิได้
การศึกษาอย่างต่อเนื่อง ที่ท�าให้ข้อมูลและ บรรจุอยู่ในหลักสูตรวิศวกรรมบัณฑิต ท�าให้วิศวกรที่อยู่ในระบบอุตสาหกรรมขาดความ
เทคนิคทั้งในเชิงของการประเมินแรง รู้และความเข้าใจพื้นฐาน หรือไม่มีความรับรู้ (Awareness) เกี่ยวกับการตรวจสอบและ
กระท�าต่อโครงสร้าง (อาทิ น�้าหนักบรรทุก ประเมินโครงสร้าง ในขณะที่ความต้องการในกลุ่มงานประเภทนี้มากยิ่งขึ้นในปัจจุบัน
ในโครงสร้างอาคารและสะพาน แรงลม ทั้งนี้สามารถจ�าแนกงานตรวจสอบและประเมินโครงสร้างเป็นกลุ่มหลัก ๆ ดังต่อไปนี้
แรงแผ่นดินไหว ระเบียบวิธีส�าหรับการ
ค�านวณทางพลศาสตร์เพื่อให้ได้แรงกระท�า
แบบจลน์ที่ถูกต้องและแม่นย�า) และการ 1. งานวิศวกรรมย้อนกลับ (Reversed Engineering)
ค�านวณหาก�าลังต้านทานของชิ้นส่วน
โครงสร้าง (Structural Members) ทั้ง ซึ่งประกอบไปด้วย การส�ารวจรายละเอียดของโครงสร้างเชิงเรขาคณิต (Geometry) และ
โครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก โครงสร้าง เชิงก�าลังวัสดุ เพื่อสร้างแบบจ�าลองทางคณิตศาสตร์ส�าหรับค�านวณหาก�าลังรับน�้าหนัก
คอนกรีตอัดแรง โครงสร้างเหล็ก ฯลฯ ในรูป บรรทุก นับเป็นความต้องการที่สามารถพบได้บ่อยในโครงสร้างอาคารหรือโรงงานเก่า
แบบการวิบัติต่าง ๆ (Mode of Failure) ที่ได้ ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงการใช้โครงสร้างซึ่งท�าให้น�้าหนักบรรทุกจรเปลี่ยนไป มีการจัดผัง
ทางสถาปัตยกรรมใหม่ หรือมีการถ่ายโอนกรรมสิทธิ์ของโครงสร้าง โดยมากแล้ว
มักจะไม่มีแบบรายละเอียดโครงสร้างและรายการค�านวณเก็บไว้ จึงจ�าเป็นต้องท�าการ
ตรวจสอบรายละเอียดโครงสร้างและก�าลังวัสดุใหม่ โดยจะแยกเป็นกลุ่มงานหลัก ๆ
สองกลุ่มคือ
119
วิศวกรรมสาร ปีที่ 74 ฉบับที่ 4 ตุลาคม-ธันวาคม 2564